ข่าวสินเชื่อ การเงิน

วิธีรวมหนี้บัตรเครดิต ข้อดีของการรวมหนี้บัตรเครดิต

วิธีรวมหนี้บัตรเครดิต

รวมหนี้บัตรเครดิต คืออะไร

รวมหนี้บัตรเครดิต ในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ คือ

1. รวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดที่มีแล้วไปขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคล จากสถาบันการเงินแห่งใหม่มาชำระสินเชื่อเดิมที่มีอยู่ เรียกว่า รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็ได้ โดยจะนำเงินกู้ก้อนใหม่ที่ได้มาไปจ่ายหนี้เก่าทั้งหมด เหมือนเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่

2. รวมหนี้บัตรเครดิตกับสินเชื่อบ้านไว้ที่ธนาคารแห่งเดียว เป็นมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เป็นทั้งหนี้บ้านและหนี้บัตรเครดิต เหมาะกับคนที่มีสินเชื่อบ้านอยู่แล้ว ข้อดีคือ สามารถรวมหนี้ข้ามธนาคารได้

 

ข้อดี-ข้อเสียของการรวมหนี้บัตรเครดิต

ข้อดีของการรวมหนี้บัตรเครดิต
  • มีเงินก้อนนำไปชำระปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่
  • จำนวนเงินผ่อนต่อเดือนลดลง เพราะสินเชื่อตัวใหม่มีอัตราดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม
  • ยืดเวลาผ่อนชำระหนี้ได้นานขึ้น
  • บริหารจัดการหนี้ง่ายขึ้น เพราะเหลือหนี้เพียงก้อนเดียว จึงมีโอกาสชำระหนี้ได้ตรงเวลาและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
  • ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
  • มีเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
  • เมื่อไม่เป็นหนี้เสีย จึงไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต

ข้อเสียของการรวมหนี้บัตรเครดิต

  • อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลบางช่วงเวลาอาจสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต จึงต้องเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยทั้งช่วงโปรโมชั่นและหลังโปรโมชั่นให้ดี
  • ยอดหนี้บัตรเครดิตที่จะนำมาปิดหนี้จะรวมทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าปรับต่าง ๆ ซึ่งเงินก้อนนี้ต้องมาเสียดอกเบี้ยกับเงินกู้ก้อนใหม่อีก กลายเป็นว่าต้องเสียดอกเบี้ย 2 ต่อ
  • การกู้เงินเพิ่มเสี่ยงต่อการใช้จ่ายเงินเกินตัว
  • การกู้เงินเพิ่มทำให้เกิดหนี้ก้อนใหม่
  • การยืดเวลาชำระหนี้ออกไปให้นานขึ้น อาจทำให้ต้องจ่ายหนี้เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าหนี้เดิมที่มีอยู่

 

 

รวมหนี้บัตรเครดิต

 

 

วิธีเลือกสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต

  • พิจารณารายได้ขั้นต่ำต่อเดือนของเราว่าสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลตัวไหนได้บ้าง ซึ่งธนาคารบางแห่งมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษให้ผู้ที่มีเงินเดือนตามเกณฑ์ที่กำหนด
  • ดูจำนวนเงินที่เราต้องการกู้ แล้วตรวจสอบวงเงินสูงสุดที่ธนาคารให้กู้ได้ ซึ่งโดยทั่วไปธนาคารจะให้สินเชื่อไม่เกิน 2-5 เท่าของรายได้ต่อเดือน แต่ถ้าไม่สามารถกู้เต็มวงเงินเพื่อนำไปโปะหนี้ทั้งหมดได้ ควรเลือกปิดหนี้บัตรที่มีดอกเบี้ยแพงที่สุดก่อน
  • กรณีเป็นพนักงานประจำ ลองมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารที่ใช้รับบัญชีเงินเดือนดูก่อน เพราะอาจได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง หรืออัตราดอกเบี้ยถูกกว่าบุคคลทั่วไป
  • เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร รวมทั้งโปรโมชั่นในช่วงนั้น โดยอัตราดอกเบี้ยมีอยู่หลายรูปแบบ คือ
    • อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลาผ่อน เช่น 12% ต่อปี นาน 60 เดือน
    • อัตราดอกเบี้ยต่ำในช่วงแรก หลังจากนั้นจึงค่อยปรับสูงขึ้น เช่น 8.99% ในปีแรก และปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป
    • อัตราดอกเบี้ยลอยตัว เช่น MRR+8.00%
  • พิจารณาระยะเวลาที่ต้องการผ่อน โดยสินเชื่อบางตัวการผ่อนระยะเวลาสั้นจะคิดดอกเบี้ยถูกกว่า
  • พิจารณาเงินงวดที่ต้องผ่อนจ่ายในแต่ละเดือน เนื่องจากสินเชื่อบางตัวคิดดอกเบี้ยถูก แต่มียอดผ่อนสูง อาจส่งผลต่อการหมุนเงินใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นอาจมองหาสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแพงกว่า แต่ให้ผ่อนชำระในแต่ละเดือนน้อยกว่า
  • ตรวจสอบโปรโมชั่นอื่น ๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม ลดดอกเบี้ยหรือสิทธิพิเศษเมื่อสมัครผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์

สรุปก็คือ ควรเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลที่คิดดอกเบี้ยต่ำที่สุด แต่ต้องพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบด้วย เช่น จำนวนวงเงินให้กู้ ระยะเวลาผ่อนชำระ จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อให้ตรงความต้องการ และช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ให้เราได้มากที่สุด

รวมหนี้บัตรเครดิต ธนาคารไหนดี