อาชีพ

เปิด 7-11 ใช้เงินลงทุนเท่าไร-เป็นเสือนอนกินจริงไหม ผู้มีประสบการณ์ตรงมาตอบเอง

 

ทุกวันนี้ก็ยังมีคนลังเลใจว่า การเปิดเซเว่น อีเลฟเว่นนั้นคุ้มหรือไม่คุ้ม ต้องใช้เงินเท่าไร มีสรุปมาให้แล้ว

เปิด 7-11 ต้องใช้เงินเท่าไร ลงทุนอย่างไร 

หากต้องการเปิด 7-11 มีการลงทุน 2 รูปแบบ ดังนี้
1. เป็นผู้จัดการร้านด้วยตัวเองหรือแบ่งผลกำไร ซึ่งเราไม่ได้เป็นเจ้าของ มีค่าใช้จ่าย คือ
          – ค่ารับสิทธิ์ 480,000 บาท
          – เงินประกัน 1,000,000 บาท
          รวมแล้ว 1,480,000 บาท
          เงินที่ได้รับจะเป็นเงินเดือน 29,000 บาท และได้ส่วนแบ่งจากผลกำไร 5% ซึ่งยอดขายได้เกินเป้าด้วย มีสัญญาที่ 6 ปี ถ้าหมดสัญญาก็จะได้เงินประกัน 1 ล้านบาทคืนพร้อมดอกเบี้ย
2. หุ้นส่วนร้าน
          – ค่ารับสิทธิ์ 1,730,000 บาท
          – เงินประกัน 900,000 บาท
          รวมแล้ว 2,630,000 บาท
          การลงทุนแบบนี้เราจะได้รับผลประโยชน์ 54% ส่วน 46% เป็นของ CP All ซึ่งค่าเช่า สถานที่ การลงทุนอื่น ๆ ทาง CP All จะรับผิดชอบทั้งหมด และรายได้จากค่าเช่าหน้าร้านก็เป็นของ CP All มีสัญญาอยู่ที่ 10 ปี
เปิด 7-11 มีข้อดี – ข้อเสียอย่างไร คุ้มค่าไหมที่จะลงทุน 
ข้อดี
          1. แบรนด์เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นแบรนด์ที่แข็งมาก ถ้าลงทุนเปิดร้าน ยังไงคนที่อยู่ในพื้นที่ย่อมตระหนักรับรู้ได้ดีกว่าการเปิดร้านแบบไม่มีแบรนด์
          2. เซเว่น อีเลฟเว่น มีประสบการณ์ในการทำร้านสะดวกซื้อมายาวนาน และมีความเพียบพร้อมในการขนส่งสินค้า ตรงจุดนี้ทำให้คนลงทุนสะดวกขึ้น ไม่ต้องจัดการเรื่องการติดต่อหาสินค้าลงร้าน
          3. มีคนฝึกสอนการทำงานให้แก่พนักงานประจำสาขา อย่างน้อยก็ช่วยให้พนักงานทำงานเป็นอย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย
          1. เมื่อเป็นแบรนด์ใหญ่ ทางเซเว่น อีเลฟเว่น จึงต้องวางเกณฑ์ของทางร้านทุกอย่างอย่างเข้มงวด ไม่ให้แบรนด์เสียหาย ซึ่งคนลงทุนก็ต้องทำตามกฎแบบไม่มีอิสระมาก และถ้าหากทำไม่ได้ตามเงื่อนไข ก็อาจจะมีบทลงโทษตามมาภายหลัง
          2. ต้องบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การลงบัญชีเอง ซึ่งถือเป็นปัญหาจุกจิก
          3. หากเจอพนักงานที่ไม่ดี ก็อาจจะมีเรื่องปวดหัวเกี่ยวกับคนตามมาอีกมากมาย

ประสบการณ์ตรงของคนที่ทำแล้วคุ้ม พร้อมคำแนะนำต่าง ๆ

คุณ สมาชิกหมายเลข 934664 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเปิดร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แล้วได้กำไร มีหลักคิดดังนี้
          – ไม่ควรเปิดร้านในกรุงเทพฯ เพราะค่าแรงที่สูงมาก, ปัญหาการลาออกจากงานของพนักงานบ่อย ๆ ทำให้ประสบปัญหาด้านแรงงาน ถ้าเป็นไปได้ ให้ทำที่ต่างจังหวัดจะดีกว่า
          – ในเรื่องความคุ้ม เรื่องนี้เป็นเรื่องปัจเจก ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละบุคคล เช่น ลงทุน 3.5 ล้าน แต่อยากได้กำไรเดือนละ 3 แสนบาท แบบนี้ไม่คุ้มแน่นอน เพราะกำไรโดยเฉลี่ยของร้าน ถ้าหากควบคุมดี ๆ แล้ว ตกอยู่ราว ๆ 5 หมื่นบาท (ข้อมูลปี 2557)
          – ความยากในการบริหาร เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทักษะการบริหารบุคคลว่า คนลุงทุนเก่งแค่ไหน แต่ถ้ามีคนซื่อสัตย์ทำงานด้วยก็จะสบายขึ้นอย่างแน่นอน แค่พยายามทำงานให้ตรงกับมาตรฐานที่เซเว่นระบุเอาไว้ก็พอ
          – ปัญหาของหายในร้าน ทำธุรกิจแบบนี้ยังไงก็เจอ แต่ถ้าเดือนหนึ่งมีของหายในร้านมูลค่าประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป แบบนี้ขโมยอาจจะอยู่ในร้านแล้ว ทางแก้คือ ติดกล้องวงจรปิดในร้านให้ทั่ว ก็สามารถพอแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
          – สิ่งที่ซีพีออลล์แบกรับ โดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องจัดการเองมีเรื่อของ การสร้างโกดังเก็บสินค้า, พนักงานจัดส่งของส่งสินค้าให้ร้านทุกวัน, การคัดเลือกสินค้ามาขาย, จัดโปรโมชั่น, มีเจ้าหน้าที่ดูแลให้คำปรึกษา, การฝึกอบรมพนักงาน, ค่าการตลาด